นายกฯ แพทองธาร กล่าวปาฐกถาในเวที ESCAP สมัยที่ 81 ประกาศบทบาทไทย “หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ในเวทีโลก
กรุงเทพฯ – 21 เมษายน 2568 | นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย กล่าวถ้อยแถลงอย่างทรงพลังในพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) สมัยที่ 81 ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน โดยย้ำบทบาทนำของไทยในฐานะ “หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” พร้อมวางแนวทางรับมือความท้าทายโลกสมัยใหม่
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับผู้แทนจากนานาประเทศด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมา พร้อมยืนยันว่าไทยได้ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปแล้ว และพร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มเติมหากจำเป็น อีกทั้งยังขอบคุณประชาคมโลกที่ให้กำลังใจไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งประเทศเผชิญโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ
นายกรัฐมนตรีชี้ว่า การประชุม ESCAP ครั้งนี้เกิดขึ้นในยุคที่โลกเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ความผันผวนเศรษฐกิจ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไปจนถึงอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ บรรทัดฐานสากล และพันธกิจต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางพัฒนาหลัก 3 ประการที่ไทยกำลังขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ดังนี้:
ประเทศไทยมุ่งเป็นผู้นำด้านความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำเพื่อลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพชีวิตเกษตรกร และสร้างห่วงโซ่อาหารที่ยั่งยืน เป็นธรรม และเข้าถึงได้
การพัฒนา Soft Power ไทยผ่านวัฒนธรรม ศิลปะ การออกแบบ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เช่นแนวคิด “De-stress destinations” และท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก
ไทยประกาศเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065 ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ผสานเศรษฐกิจชีวภาพ หมุนเวียน และสีเขียว เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ในกรุงเทพฯ ว่าเป็นนโยบายที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในเมือง เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเศรษฐกิจ และเป็นต้นแบบของการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลมีแผนขยายแนวคิดนี้ไปยังภูมิภาคอื่นต่อไป
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเสนอแนวคิด 3 ข้อ เพื่อเสริมความร่วมมือในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น:
พร้อมย้ำว่า ไทยพร้อมยืนหยัดเคียงข้างประชาคมโลก เพื่อสร้างภูมิภาคที่มั่งคั่ง ยืดหยุ่น และยั่งยืนสำหรับคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต
การปรากฏตัวของ “นายกฯ อิ๊งค์” บนเวทีระดับนานาชาติในครั้งนี้ ไม่เพียงแสดงถึงความพร้อมของประเทศไทยในการมีบทบาทเชิงรุก แต่ยังตอกย้ำว่า อนาคตที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากการลงมือร่วมกันในวันนี้.